Last updated: 7 พ.ค. 2567 | 204 จำนวนผู้เข้าชม |
อู่ซ่อมรถจักรยานยนต์ ควรใช้ปั๊มลมลูกสูบขนาด 1/2 แรงม้า ขนาดถังลมความจุประมาณ 80 ลิตรขึ้นไป ปั๊มลมขนาดนี้ทำงานด้วยเสียงที่ไม่ดังมากจนเกินไป ผลิตลมได้แรงดันที่เหมาะสมกับงานซ่อมจักรยานยนต์ ประมาณ 5-8 บาร์ ครอบคลุมทุกการใช้งานไม่ว่าจะเป็นงานเติมลม งานถอดล้อ หรืองานพ่นสีอะไหล่ขนาดต่างๆ
อู่ซ่อมรถยนต์และรถกระบะ ควรเลือกใช้ปั๊มลมลูกสูบที่มีขนาด 2 แรงม้าขึ้นไป ขนาดถังลมความจุไม่ควรต่ำกว่า 150 ลิตร และควรทำแรงดันได้ไม่ต่ำกว่า 8-10 บาร์ โดยเฉพาะการเติมลมให้กับรถกระบะที่ใช้ในงานขนส่ง จำเป็นต้องใช้ปั๊มลมที่ทำแรงดันได้ 12 บาร์ขึ้นไป และต้องใช้บล็อกลมขนาด 3/4 นิ้ว
อู่ซ่อมรถบรรทุก ต้องใช้ปั๊มลมขนาด 3 แรงม้า ที่ทำแรงดันได้สูงกว่า 14 บาร์และใช้ความจุของถังลมค่อนข้างเยอะ ควรมีขนาดถังลมไม่ต่ำกว่า 250 ลิตร ซึ่งอาจจะทำได้แค่ถอดน็อตล้อได้เพียงแค่ 2-3 ตัวต่อเนื่องเท่านั้น ถ้าหากเป็นอู่ขนาดใหญ่ มีลูกค้าใช้บริการจำนวนมาก ก็ควรเลือกปั๊มลมขนาด 10 แรงม้า ความจุถังลม 500 ลิตรขึ้นไป เพื่อที่จะถอดล้อได้รวดเร็ว ทันต่อการใช้งาน